ชีวิตส่วนตัว ของ ซูเซิน บอยล์

ซูเซิน บอยล์ เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2504เมืองแบล็กเบิร์น เทศมณฑลเวสต์โลเธียน ประเทศสกอตแลนด์ โดยเป็นบุตรคนสุดท้องในบรรดาบุตรเก้าคนของนายแพทริก บอยล์ (อังกฤษ: Patrick Boyle) พนักงานโกดังที่โรงงานบริติชเลย์แลนด์ (อังกฤษ: British Leyland) ในเมืองบาธเกต (อังกฤษ: Bathgate) กับนางบริดเจ็ต บอยล์ (อังกฤษ: Bridget Boyle) นักพิมพ์ชวเลข[2] ซูเซินมีพี่ชายสี่คน และพี่สาวอีกสี่คน ซึ่งพี่น้องทั้งเก้าคนนี้ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วสามคน[3] เมื่อตอนซูเซินเกิด มารดามีอายุได้สี่สิบสี่ปี[12] และหนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทมส์รายงานว่า เวลานั้นเป็นช่วงที่ลำบากมาก เพราะไม่มีออกซิเจนเพียงพอจะให้แก่ซูเซินเมื่อแรกเกิด ทำให้ประสาทการเรียนรู้ของเธอทำงานอ่อน เมื่อตอนเข้าโรงเรียนจึงเป็นที่กลั่นแกล้งและล้อเลียนกันอย่างสนุกสนานของเพื่อน ๆ[13] [14]

เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาโดยมีคุณสมบัติตามเกณฑ์เพียงบางประการแล้วนั้น[3] ซูเซินเข้ารับการอบรมประกอบอาหารที่วิทยาลัยเวสต์โลเธียน (อังกฤษ: West Lothian College) เป็นเวลาหกเดือน[15] และเข้าโครงการฝึกอาชีพที่รัฐบาลจัดขึ้นต่ออีกระยะหนึ่ง[2] ในช่วงนั้นเธอชื่นชอบการเข้าชมละครเวทีและได้เข้าชมที่โรงละครท้องถิ่นหลายครั้ง[2] เธอจึงได้ชมดูนักร้องเพลงมืออาชีพขับร้องอย่างเพลิดเพลิน[16]

ใน พ.ศ. 2538 ซูเซินเข้าทดสอบการแสดงในรายการ "มายไคนด์ออฟพีเปิล" (อังกฤษ: My Kind of People) ของไมเคิล แบร์รีมอร์ (อังกฤษ: Michael Barrymore) โดยรายการกำลังจัดการแข่งขัน ณ ศูนย์การค้าแบรเฮด (อังกฤษ: Braehead Shopping Centre) นครกลาสโกว์[16] ซึ่งครั้งนั้นซูเซินกล่าวว่าเธอตื่นเต้นเกินกว่าจะสงบสติอารมณ์และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมได้[2] ต่อมา ซูเซินเข้ารับการอบรมร้องเพลงจากนักฝึกเสียงชื่อดัง เฟรด โอเนล (อังกฤษ: Fred O'Neil)[3] และใน พ.ศ. 2542 เธอได้อัดเสียงร้องเพลง "ครายมีอะริเวอร์" (อังกฤษ: Cry Me A River) สำหรับอัลบัมการกุศลที่สภาเทศบาลจัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองคริสต์สหัสวรรษที่ 2[3] [13] [17] นอกจากนี้ ซูเซินยังได้เข้าเรียนการแสดงที่โรงเรียนฝึกสอนการแสดงแห่งเอดินบะระ (อังกฤษ: Edinburgh Acting School) และได้แสดงในเทศกาลเอดินบะระฟรินจ์ (อังกฤษ: Edinburgh Fringe) อันเป็นเทศกาลทางศิลปกรรมที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สุดของโลกเป็นประจำทุกปี[18] ด้วย

สำหรับชีวิตครอบครัวนั้น บิดาของซูเซินถึงแก่กรรมในกลางพุทธทศวรรษที่ 253 (พ.ศ. 2530-2540) และญาติพ้องน้องพี่ของเธอก็จากบ้านไปทั้งหมด ทิ้งให้ซูเซินอาศัยอยู่ลำพังกับมารดาผู้ชรา ซึ่งนางบริดเจ็ต มารดาของซูเซิน นั้นทราบว่าบุตรสาวของตนชอบร้องเพลง ก็มักชี้ชวนและให้กำลังใจบุตรสาวให้เข้าร่วมการประกวดร้องเพลงของท้องถิ่นเสมอ และซูเซินก็คว้ารางวัลชนะเลิศมาหลายครั้ง ทั้งนี้ นางบริดเจ็ตยังชี้ชวนให้ซูเซินเข้าประกวดร้องเพลงที่รายการ "บริเทนส์กอตแทเลินต์" (อังกฤษ: Britain's Got Talent) หลายครั้ง โดยกล่าวว่าอยากให้ซูเซินได้ลองเสี่ยงแสดงความกล้าร้องเพลงต่อหน้าผู้ชมขนาดใหญ่มากกว่าผู้ชมในโบสถ์ แต่ซูเซินปฏิเสธว่าเธอรู้สึกว่ายังไม่พร้อม กระทั่งนางบริดเจ็ตเสียชีวิตใน พ.ศ. 2550 เมื่ออายุได้เก้าสิบเอ็ดปี[12] ซูเซินคงพำนักอยู่ในบ้านหลังเดิมที่มีห้องนอนสี่ห้องต่อไป โดยมีแมวชราชื่อ "เพ็บเบิลส์" (อังกฤษ: Pebbles) เป็นเพื่อนแก้เหงา[3] เพื่อนบ้านของซูเซินบอกนักข่าวว่า ซูเซินไม่เคยมีหรือจัดงานวันเกิดของตัวเองเลยเพราะใช้เวลาดูแลเอาใจใส่มารดาอยู่เสมอ[12] และหลังจากมารดาเสียชีวิตแล้ว ซูเซินก็พยายามข่มใจต่อสู้กับการสูญเสียครั้งนี้โดยบอกกับตัวเองว่า จะขอทำใจอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปข้างนอก ตอบเสียงเคาะประตู หรือรับโทรศัพท์สักสามสี่วัน[12]

ซูเซินเปิดเผยต่อมา การจากไปของมารดาตนเป็นแรงผลักดันให้เธอกล้าเข้าประกวดที่รายการ "บริเทนส์กอตแทเลินต์" และหากเธอมาถูกทางแล้ว เธอจะหางานด้านดนตรีทำต่อไปเพื่ออุทิศให้แก่มารดาในสรวงสวรรค์[3] โดยในการประกวดร้องเพลงดังกล่าวนั้น เธอทราบดีว่าผู้ชมในโถงประกวดย่อมมองเธอในเชิงลบเพราะเธอมีรูปลักษณ์ไม่น่าดูชม กระนั้น เธอบอกปัดที่จะเปลี่ยนความเป็นตัวของเธอเอง และกล่าวว่า "ฉันรู้ความคิดของพวกเขาดี แต่ทำไมต้องเก็บมาใส่ใจด้วยตราบเท่าที่ฉันสามารถร้องเพลงได้ ก็นี่ไม่ใช่การประกวดนางงามเสียหน่อย"[3] นอกจากนี้ การร้องเพลงในรายการดังกล่าวยังเป็นการร้องเพลงครั้งแรกของซูเซินนับแต่การตายของมารดาด้วย[19]

ซูเซินนั้นไม่เคยแต่งงานมาก่อน และระหว่างให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นร้องเพลงในรายการ "บริเทนส์กอตแทเลินต์" นั้น เธอกล่าวว่ายังไม่เคยได้รับการจุมพิตมาก่อนเลย และต่อมาก็กล่าวว่า นั่นเป็นเพียงมุกตลกที่เธอแต่งเย้าเล่น แต่มันกลับได้ผลเกินควร[13] [20] ขณะนี้เธอกำลังไร้อาชีพหลัก และทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครที่โบสถ์อาวร์เลดีออฟลูเอิดส์ (อังกฤษ: Our Lady of Lourdes) เมืองวิตเบิร์น[3]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ซูเซิน บอยล์ http://216.239.61.132/translate_c?hl=EN&ie=UTF-8&s... http://www.cbsnews.com/video/watch/?id=4949467n http://edition.cnn.com/2009/SHOWBIZ/TV/04/17/susan... http://www.edfringe.com/area.html?r_menu=global&id... http://www.msnbc.msn.com/id/30226936 http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?new... http://www.redlasso.com/ClipPlayer.aspx?id=7ea5b58... http://www3.signonsandiego.com/stories/2009/apr/16... http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/artic... http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/artic...